เมื่อธุรกิจโทรคมนาคมไทยเดินทางมาถึงจุดที่ต้องจับตาอีกครั้ง ท่ามกลางการตื่นเต้นดีใจของคนทั้งวงการ เมื่อกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติหรือ กทช. เตรียมเปิดประมูลใบอนุญาต 3 G อันเป็นการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 ซึ่งได้รับความสนใจจากทุกฝ่ายมาอย่างยาวนาน
การประชุมรับฟังความคิดเห็น (Public Hearing) จากผู้ประกอบการ และผู้สนใจเข้าขอรับใบอนุญาตประกอบการของ กทช. เมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ได้เริ่มขึ้น และได้ลงท้ายด้วยความสับสน คลางแคลงใจต่อเงื่อนงำของเงื่อนไขการประมูลสัมปทานคลื่น 3 G จากองค์การหลายฝ่าย
ทรูคือหนึ่งในภาคเอกชนก้าวออกมาอยู่บนแถวหน้า ในการแสดงความคิดเห็นต่อกติกาเงื่อนไขการประมูล 3G ซึ่งยกทัพใหญ่ภายใต้การนำของ “ศุภชัย เจียรวนนท์” กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
แม่ทัพทรูส่งเสียงวิจารณ์อย่างหนักต่อประเด็นสำคัญคือ การกำหนดกติกาเพื่อเปิดโอกาสให้รัฐบาลต่างชาติ ที่มีเงินทุนหนา และมีเทคโนโลยีเข้ามาครอบงำกิจการโทรคมนาคมเท่ากับทำให้ไทยต้องสูญเสียอิสรภาพ
และอีกความเห็นหนึ่งที่ทรูยืนหยัดคือ ขายใบอนุญาตในราคาแพง ซึ่งเสมือนเป็นการกีดกันกิจการคนไทยที่มีทุนน้อย ไม่สามารถแข่งขันกับกิจการต่างชาติที่มีขนาดใหญ่ถึงพร้อมด้วยฐานะทางการเงิน และเมื่อมีต้นทุนแพงจะทำให้คนไทยในฐานะผู้บริโภคต้องรับภาระแพงไปด้วย ซึ่งในที่สุดจะกลายเป็นผลร้ายทางเศรษฐกิจและสังคมไทยเมื่อต้องมีภาระค่าใช้จ่ายสูงในชีวิต
แม้เรื่องที่น่าคิด และอาจยังไม่มีใครฉุกคิดต่อเงื่อนไขการประมูล 3G จากทรู จะส่งผลอย่างไร หรือไม่ และเช่นไร? ต่อผู้มีอำนาจหรือไม่ก็ตาม ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่อาจคาดเดา
แต่ภาพเหตุการณ์ที่ “ศุภชัย เจียรวนนท์” ได้ยกบัตรประชาชนขึ้นชู พร้อมประกาศหมายเลขประจำตัวพลเมืองไทย โดยย้ำความเป็นคนไทยและขอตายบนผืนแผ่นดินไทย พร้อมคำประกาศก้องถึงจุดยืนที่เรียกร้องให้คนไทยได้ปกป้องความเป็นไทย และปกป้องทรัพยากรสำคัญของชาติไว้เพื่อชนชาติไทย คงเป็นอีกภาพเหตุการณ์ที่จะถูกบันทึกและจารึกไว้ในเรื่องราวประวัติศาสตร์ 3G ไทยอย่าง
เทเลคอมเจอร์นัล ฉบับวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2552
ขอบคุณค่ะสำหรับข่าวสารที่ชวนน่าติดตาม เรื่องเทคโนโลยี่เนี่ยพลาดไม่ได้เลยถือว่าเป็นปัจจัยห้าในการดำเนินชีวิตของคนปัจจุบันไปซะแล้ว